วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

“สิ่งก่อสร้างสุดอัศจรรย์” จากฝีมือของสัตว์โลก





มนุษย์อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตฉลาดที่สุดในโลกที่สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ได้มากมาย แต่บางครั้งเราก็ยังสู้ความสามารถตามธรรมชาติของสัตว์ไม่ได้ และนี่คือ สิ่งก่อสร้างสุดอัศจรรย์จากฝีมือของสัตว์โลก ที่แม้แต่มนุษย์อย่างเราก็คงเลียนแบบไม่ได้

เขื่อนยักษ์ของตัวบีเวอร์

beaver_457_600x450
ที่มาภาพ MSA

24 เรื่องแปลกๆจากทั่วโลก ไม่รู้ทำไปได้ไง



 1.นักถ้ำมองโครตสกปรก 
เป็น ชาวอเมริกันแต่ไม่ระบุชื่อเพราะญาติขอร้อง อายุ 37 ปี อยู่เมืองเลล์ เกลด รัฐฟลอริดา อาชีพเพาะปลูก เมื่อเวลาว่างชายคนนี้จะมีอาชีพพิเศษคือชอบแอบมองสาวทำธุระโดยการตะเวณดูตาม สุขาทั่วเมือง และยิ่งมองยิ่งติดใจจงตัดสินใจแช่ในถังส้วมหลุมเพื่อมองเห็นสาวทำธุระจะๆ ตา(ส้วมเมืองนอกเขาเป็นแบบนี้) เผลิญสาวคนหนึ่งเขาทำธุระปล่อยทุ่นส่วนตัวเสร็จ แล้วบังเอิญไปเห็นอะไรไม่รู้มีตาสองตาของคนจึงแจ้งตำรวจ แล้วเจ้าถ้ำมองคนนั้นก็ถูกตำรวจเรียกรถเครนพร้อมตะขอเกี่ยวนักถ้ำมองออกจาก หลุม จากนั้นก็หย่อนลงบึงน้ำเสียเลย

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรื่องของ "โลก" ในมุมที่คุณไม่รู้


เรื่องของ "โลก" ในมุมที่คุณไม่รู้


           โลกเกือบกลมใบนี้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อประมาณ 4,540 ล้านปีก่อน ในฐานะดาวเคราะห์ดวงหนึ่งของระบบสุริยะ (Solar system) ที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง โลกมีสารพัดเรื่องราวให้มนุษย์ได้ศึกษาทำความเข้าใจกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น หลายๆ เรื่องราว หลายๆ ข้อมูลเป็นสิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้หรือแทบจะนึกไม่ถึงมาก่อน แต่ถ้าได้ลองเก็บมานั่งทบทวนดูแล้ว เราจะพบความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ได้อีกมากเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นเรื่องดังต่อไปนี้

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สวนแนวตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนกำแพงห้างฯ ประเทศอิตาลี



สวนแนวตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนกำแพงห้างฯ ประเทศอิตาลี

     travel mthai พาชมไอเดียฉ่ำที่มาพร้อมเทคโนโลยี กับ สวนแนวตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งศูนย์การค้า เมือง Rozanno ประเทศอิตาลี แนวคิดเติมสีให้ตึกด้วยธรรมชาติ ประดับกำแพงห้างสรรพสินค้าด้วยนานาพันธุ์ไม้ 44,000 ต้น บนเนื้อที่ 1,263 ตารางเมตร

     สวนแนวตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งนี้ ออกแบบโดยทีมงานของสถาปนิก Francisco Bollani ซึ่งใช้เวลาร่วมปีเพื่อปลูกพันธุ์ไม้กว่าหลายหมื่นต้นให้เจริญงอกงาม และใช้เวลาอีก 90 วัน ในการฝังลงบนกำแพงตึก และไม่ได้ใช้ดินอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่กลับใช้กล่องโลหะเป็นตัวยึดต้นไม้ สร้างบล็อคแบบเดียวกับการประกอบตัวต่อ เป็นวิธีที่เบสิคและง่าย แต่ก็เป็นเหตุให้ต้องใช้งบสูงถึง 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

HotTug อ่างน้ำร้อนลอยน้ำ



     HotTug อ่างน้ำร้อนลอยน้ำ เป็นนวัตกรรมแห่งการแช่อ่างน้ำร้อน ของ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีรูปลักษณ์เป็นเรือผสมกับอ่างน้ำ ผลิตจากไม้และโพลีเอสเตอร์เสริมไฟเบอร์กลาส มีขนาด 240 x 380 x 110 เซนติเมตร ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ ภายใน HotTug อ่างน้ำร้อนลอยน้ำ บรรจุน้ำได้ประมาณ 2,000 ลิตร ให้ความร้อนในอ่างโดยใช้เตาฟืน อุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำจะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาต้มนานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง สามารถลงไปแช่ในน้ำได้ครั้งละ 6 คน แต่ถ้าใช้เป็นเรือโดยสารปกติ ก็สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 8 คน

     “ฮ็อททัก” HotTug อ่างน้ำร้อนลอยน้ำ มีหลายแบบให้เลือกเสียเงิน ตามรายได้ในกระเป๋า วงเล็บเศรษฐี ระดับคนรายได้พอมีเอาเงินไปซื้อรถแล้วขับไปหาอ่างแบบย่อมเยาน่าจะเข้าท่ากว่า เพราะราคาเจ้าเรือหรืออ่างนี้ แบบธรรมดาพื้นๆ เป็นเรือลากจูง ไม่มีเครื่องยนต์ ก็สนนอยู่ที่ 8,950 ยูโร หรือ กว่า 3.5 แสนบาท ปาดเหงื่อไปถึงรุ่นท็อป ซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2.4 กิโลวัตต์ พร้อมเตาฟืนสแตนเลส ราคาหนักพิเศษ 16,450 ยูโร หรือ กว่า 6.5 แสนบาท!!

Hamilton Pool สระว่ายน้ำธรรมชาติ



       Hamilton Pool สระว่ายน้ำธรรมชาติ สวรรค์บนดินสระว่ายน้ำธรรมชาติ Hamilton Pool สระสวรรค์ซึ่งบันดาลจากการทรุดตัวของโดมแม่น้ำใต้ดิน หลายพันปีมาแล้ว Hamilton Pool อยู่ในเขตอนุรักษ์ Cayonlands Balcones ทางตะวันตกของเมืองออสติน รัฐ Texas ประเทศสหรัฐอเมริกาHamilton Pool สระว่ายน้ำธรรมชาติ แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากคนในประเทศและบรรดานักท่องเที่ยว ตั้งแต่ยุค 60 มีพื้นที่ประมาณ 232 เอเคอร์ ประกอบด้วยผืนน้ำสีหยก รองรับน้ำตกสูง 50 ฟุต ล้อมรอบด้วยโดมหินที่รอดจากการกัดเซาะ ประดับประดาด้วยสีเขียวจากมอสส์ เฟิร์น และแนวต้นสนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกกระจิบแก้มสีทองที่ใกล้จะสูญพันธุ์Hamilton Pool สระว่ายน้ำธรรมชาติ มีการปิดเป็นครั้งคราว เพื่อคงไว้ซึ่งสภาพอันสวยงามและความสะอาด เนื่องจากไม่ได้ใช้การรักษาสภาพด้วยสารเคมีเข้ามาช่วยแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการไปเยือนควรโทรสอบถามทางเขตอนุรักษ์ล่วงหน้า และที่สระแห่งนี้ไม่มีผู้ดูแลความปลอดภัย ไม่มีน้ำดื่มให้บริการ เพราะไม่มีเรื่องสัมปทานเข้ามาเกี่ยวข้อง การไปเล่นน้ำที่ Hamilton Pool จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมและเล่นด้วยความระมัดระวัง และมีกฎข้อห้ามที่ต้องรู้ คือ ห้ามตกปลา ห้ามขี่จักรยาน ห้ามตั้งแคมป์ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้า รวมถึงทำอาหาร ก่อกองไฟ สรุปง่ายๆ ให้ว่ายเท่านั้น!ม่แปลกใจที่ใครๆ ก็อยากไปสัมผัส เพราะที่แห่งนี้อนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการปล่อยให้เป็นไปอย่างธรรมชาติแท้จริง สวรรค์บนดิน Hamilton Pool

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เมืองซูวอน มรดกโลก แห่ง เกาหลีใต้



      เมืองซูวอน มรดกโลก แห่ง เกาหลีใต้ ท่องเมืองซูวอน เมื่องแห่งโบราณสถาน ซึ่งมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ แห่ง เกาหลีใต้ ทั้งยังปรากฏเป็นฉากใน ซีรีย์เกาหลีชื่อดัง อย่าง แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง ปัจจุบันถือเป็น สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ สาธารณรัฐเกาหลีเมืองซูวอน อยู่ทางตอนใต้ของ กรุงโซล ห่างจากโซลประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ใน จังหวัดคย็องกี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในเกาหลีใต้ เมืองแห่งนี้สวยงามด้วยความเก่าแก่ของหลายสถานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงและเป็นดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุด คือ ป้อมฮวาซอง ป้อมปราการและกำแพงโบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชองโจ กษัตริย์องค์ที่ 22 แห่งราชวงศ์โชซอน ปี ค.ศ.1794 จุดประสงค์เพื่อย้ายหลุมศพของพระบิดา ป้อมฮวาซอง ทอดตัวยาว 5.5 กิโลเมตร ตามแนวไหล่เขาและที่ราบ โอบล้อม เมืองซูวอน ไว้อีกหนึ่งสถานแห่งความงดงาม พระราชวังฮวาซองแฮงกุง ตั้งอยู่ในเขต ป้อมฮวาซอง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์ชองโจ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังได้สัมผัสกับการแสดงแห่งวิถี การใช้อาวุธต่างๆ ของนักรบเกาหลีสมัยโบราณด้วยความสวยงามและความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรม เมืองซูวอน ได้รับการยกย่องให้เป็น เมืองมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1997 และอีกข้อมูลที่น่าประดับความรู้ไว้ เมืองซูวอน ยังเป็นที่ตั้ง โรงงานใหญ่ ของ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ถือว่ามีชื่อเสียงทั้งวัฒนธรรมเก่าและเทคโนโลยีใหม่..จะย้อนรอย หรือ เดินหน้า ต้องมาที่ ซูวอน

สิ่งมีชีวิตที่มีอายุเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย



     เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมที่สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ต้องประสบ ไม่ว่าจะชาญฉลาดอย่างมนุษย์ เล็กกระจ้อยอย่างหนูหรือมหึมาอย่างปลาวาฬ แต่ทราบไหมครับว่าในโลกเรายังมีสัตว์ที่อาจไม่ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏแห่งชีวิต และมันก็เป็นอะไรที่เล็กกระจิดเกินกว่าที่มนุษย์จะคิดว่าคู่ควรแก่อายุอมตะด้วยซ้ำ

สัตว์ที่มีอายุเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย
     Dr Maria Miglietta นักวิทยาศาสตร์จาก the Smithsonian Tropical Marine Institute เปิดเผยว่าแมงกะพรุนที่เรียกว่า Turritopsis Nutricula มีชีวิตเป็นอมตะ เนื่องจากมันสามารถย้อนวัยตัวเองกลับไปสู่วัยหนุ่มสาวได้อีก หลังจากที่่ได้สืบพันธุ์แล้ว นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้บอกว่าจำนวนของแมงกะพรุนสายพันธุ์นี้กำลังเพิ่ม จำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากชีวิตที่เป็นอมตะของพวกมัน
     ในขณะที่แมงกะพรุนทั่วไปมีชีวิตจำกัดและตายหลังจากผสมพันธุ์ไม่นาน เจ้า Turritopsis nutricula ขนาดตัวประมาณ 5 mm จะมีกลไกภายในเซลล์ที่เรียกว่า transdifferentiation ซึ่งปกติจะเห็นเฉพาะในอวัยวะซึ่งซ่อมแซมตัวเองได้อย่าง ตับมนุษย์ แต่ในแมงกะพรุนอมตะกลไกนี้สามารถทำให้ร่างกายมันไม่แก่ไปตามปกติ หากพอถึงวัยผสมพันธุ์ปุ๊บมันจะถอยหลังกลับไปอยู่ในสภาพตัวอ่อนอีกครั้ง เหมือนกับตา Benjamin Button ยังไงยังงั้นเลยละค่ะ

ชาวบาจาว ชนเผ่าทะเลชาวบาจาว



     สัมผัสอัศจรรย์แห่งชีวิต วิถีไม่ติดดิน แต่ติดน้ำ ของ ชาวบาจาว กลุ่มชนซึ่งทะเลคือบ้าน ดำผุดดำว่ายไม่มีสำลัก!
     ชาวบาจาว ชนเผ่าทะเลชาวบาจาว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย เป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในทะเลทั้งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ชนเผ่าทะเล (sea gypsies หรือ sea nomads) ตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่ ที่พำนัก ที่วิ่งเล่น คือ ใจกลางมหาสมุทรเท่านั้นชาวบาจาว เสมือนเป็นมนุษย์พิเศษ กลั้นหายใจใต้น้ำได้ยาวนานมาก  และส่วนใหญ่ เท้าแทบจะไม่ได้แตะพื้นดิน เว้นเสียแต่ว่าจะขึ้นบกมาขายปลา ขายแตงกวาทะเล สร้างเรือใหม่ หรือทำพิธีฝังศพเท่านั้น หรือแท้จริงแล้วว่ากันว่า อาจจะเป็นโรค “Landsick” เกิดจะคิดถึงผืนดินขึ้นมาซะงั้น!แม้ที่อยู่อาศัยของ ชาวบาจาว ดูแสนจะเปราะบาง แค่โดนพายุใต้ฝุ่นพัด ถิ่นฐานก็โค่นล้มได้ง่าย หรือคราวถูกโจรสลัดปล้นสะดม ถล่มบ้าน ก็ไม่ทำให้ ชาวบาจาว ครั่นคร้าม พวกเขาเพียงแค่พายเรือไปหาจุดหมายใหม่ในท้องทะเล ราวกับชินชีวิตที่โซซัดโซเซ..หาความแน่นอนไม่ได้แม้จะอยู่อย่างเรียบง่าย แต่ ชาวบาจาว ก็แอบมีใจสร้างสรรค์ รีไซเคิลแว่นตากันน้ำชำรุด สาดสีสันสุดเขรอะ กลายเป็นของใหม่สุดอาร์ท และที่เห็นหน้าน้องเหลืองนวลนั่น บ้านเขาเรียกซันบล็อค!! สวย-หล่อ สไตล์บาจาว!ชาวบาจาว กล่าวว่า เริ่มแรกของชีวิตใต้น้ำ ต้องทนทรมานกับอาการเลือดออกหูออกจมูก และต้องใช้ระยะเวลานอนเป็นสัปดาห์เพื่อคลายอาการวิงเวียน แต่เมื่อผ่านจุดนั้นมาได้ จะดำน้ำได้โดยไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม่ใช่สัตว์น้ำ สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ ชาวบาจาว คือ การดำน้ำลึกถึง 30 เมตร มีแนวโน้มเสี่ยงแก้วหูแตกตั้งแต่วัยเยาว์…ใครว่าการใช้ชีวิตกลางหาดสวรรค์..เป็นเรื่องง่าย!

ชวนดูของเล่นโบราณ ที่อันตรายสุดๆ !



      ปกติงานเป่าแก้วเป็นงานละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ทักษะในการทำ ในสมัยก่อนการเป่าแก้วเป็นทักษะที่มีประโยชน์มาก แม้แต่นักศึกษาเคมีสมัยก่อนก็ต้องเป่าแก้วสร้างหลอดทดลองใช้กันเองด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม การเป่าแก้วนี้ก็ค่อนข้างอันตรายอยู่เหมือนกัน เพราะการจะทำให้แก้วอ่อนตัวลงได้ต้องใช้ความร้อนสูงถึง 538 องศาเซลเซียส แต่สำหรับชุดของเล่น Gilbert Glass Blowing Set กลับสนับสนุนให้เด็กๆ ลอง เป่าแก้วด้วยตัวเองที่บ้านโดยใช้มือเปล่าจับ และไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว (ขนาดรูปในคู่มือยังใช้มือเปล่าจับแก้วที่กำลังเอาไปลนไฟเลย) ไม่รู้เด็กจะรู้หรือเปล่าว่าไฟแรงขนาดนั้นถ้าเอามือไปจับแก้วที่ร้อนๆ อยู่หนังคงหลุดติดไปด้วย

      ยังมีของเล่นอีกหลายอย่างเลยค่ะ แต่ละอย่างน่ากลัว และอันตรายมากๆจนไม่คิดว่าจะเป็นของเล่นเด็กจริงๆเข้าไปชมเพิ่มเติ่มได้ที่

พิพิธภัณฑ์มัมมี่ (El Museo De Las Momias)



สถานที่ : รัฐกวานาคัวโต ประเทศเมกซิโก

          พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เต็มไปด้วยมัมมี่นับพันร่าง แต่ที่น่ากลัวไม่ใช่แค่นั้น มัมมี่เหล่านี้คือร่างของคนที่ตายจาก โรคอหิวาตกโรคที่ระบาดครั้งใหญ่ในเมืองกวานาคัวโตเมื่อปี ค.ศ.1833
ศพของคนที่ครอบครัวยากจนเกินกว่าจะจ่ายเงินค่าฝังศพได้จะถูกนำมาฝังรวมกันไว้ที่สุสานแห่งนี้
แต่ในร่างทั้งสุสานมีเพียง 2% เท่านั้นที่กลายเป็นมัมมี่ตามธรรมชาติ
มีการนำศพมาทิ้งไว้ที่สุสานนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1865 จนถึงปี ค.ศ.1958 และเมื่อเข้าสู่ช่วงปี ค.ศ.1900
มัมมี่เหล่านี้ก็เริ่มกลายเป็นที่สนใจและทำให้เมืองกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
คนดูแลสุสานเริ่มเก็บงานค่าเข้าชมและในที่สุด สถานที่นี้ก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อ El Museo De Las Momias ที่แปลได้ว่า พิพิธภัณฑ์มัมมี่ ในช่วงที่โรคมีการระบาดหนักที่สุด
ร่างคนตายมากมายจะถูกฝังอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย
รวมถึงบางคนที่ยังไม่เสียชีวิตก็ถูกฝังทั้งเป็นด้วย ดังนั้นมัมมี่บางตัวจึงมีสีหน้าหวาดกลัวและทุกข์ทรมาน
เป็นสีหน้าสุดท้ายก่อนจะตายปัจจุบันพิพิธภัณฑ์นี้มีมัมมี่จัดแสดงอยู่ 119 ร่าง มีทั้งที่เป็นเด็กทารก
ไปจนถึงคนแก่ บางร่างก็มีท่าทางแปลกๆ และบางร่างก็ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าเดิมของตัวเอง
พิพิธภัณฑ์นี้ยังมีร่างมัมมี่ที่เล็กที่สุดในโลก เป็นร่างของตัวอ่อนในครรภ์ของผู้หญิงซึ่งเสียชีวิตจากโรคอหิวาตกโรค

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พื้นดินถล่มยุบตัวในก่วงโจว กลืนบ้าน ร้านค้า



     เมื่อเวลา ราว 16.37 น. ของวันจันทร์(28 ม.ค.) จู่ๆพื้นดินบริเวณย่านการค้าถนนคังหวังทางทิศใต้ เขตลี่วาน นครก่วงโจว (กวางเจา) เกิดยุบตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่ บ้านเรือนและร้านค้าพังตกลงไปในหลุ่ม ซึ่งในตอนแรกมีขนาด ราว 50 ตารางเมตร ลึก 9 เมตร รอยแตกแยกของพื้นดินที่ยุบตัวนี้ยังฉีกขยายวงกว้างออกไป
     

ค้นพบดาวเพชร 55 Cancrie


 
      คณะนักดาราศาสตร์สหรัฐ-ฝรั่งเศส เผยการค้นพบดาวเคราะห์ขนาดใหญ่กว่าโลก 2 เท่า ซึ่งเต็มไปด้วยเพชร และกำลังโคจรรอบดวงดาวห่างจากโลก 40 ล้านปีแสง แต่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

10 สถานที่ประหลาดที่สุดในโลก



 1. The Door to HellDoor to Hell หรือแปลตามตัวว่า ประตูสู่นรก ซึ่งแท้จริงแล้วคือ ปล่องไฟจนาดยักษ์ที่มีการเผาไหม้ตลอดเวลา ตั้งอยู่ที่ เติร์กเมนิสถาน มานานกว่า 40 ปี ถูกค้นพบโดยนักธรณีวิทยา เกิดจากการขุดเจาะหลุมโพรงที่เต็มไปด้วยก๊าซธรรมชาติ และเกิดการทรุดตัวของพื้นดิน เพื่อให้ก๊าซหมดไป ต้องทำการเผาไหม้ แต่เปลวไฟดันคุกรุ่นมาจนถึงปัจจุบัน

รั้วชุดชั้นใน ประวัติศาสตร์รักแบบพิลึก



     ในยุคตื่นทองแห่งเมือง Cardrona ประเทศนิวซีแลนด์ ผ่านสิ่งประหลาดที่สุดอย่าง รั้วชุดชั้นใน ซึ่งปรากฏในปี ค.ศ. 1999 ยังคงไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งกลายเป็นข้อพิพาท และกลับเป็นแรงบันดาลให้คิดสร้างสถิติ ทำเป็น รั้วชุดชั้นใน ที่ยาวที่สุดในโลก

ภูเขาไฟโคลน Bleduk Kuwu แห่ง จังหวัดชวากลาง


   
    ภูเขาไฟโคลน Bleduk Kuwu แห่ง จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซียปรากฏการณ์ประหลาด ภูเขาไฟโคลนBleduk Kuwu เป็นปล่อง ภูเขาไฟโคลน ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์การปลดปล่อยแก๊สมีเทนใต้พื้นโลก ทุกๆ 2-3 นาที น้ำใต้โคลนจะเกิดแรงดันและระเบิดทะลุโคลนออกมา เกิดเป็นไอสีขาวและน้ำพุร้อน ชื่อเรียก Bleduk Kuwu ก็มาจากภาษาชวาท้องถิ่น “bledug” แปลว่า การระเบิด “kuwu” หรือ “kuwur” หมายถึง การกระจาย รวมกันเป็นนิยามอันเข้าใจง่ายของ ภูเขาไฟโคลน อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมานับสิบปีนักท่องเที่ยวสามารถชม ภูเขาไฟโคลน Bleduk Kuwu ได้อย่างปลอดภัย โดยต้องเว้นระยะห่างประมาณ 10-20 เมตร ภูเขาไฟโคลน จะระเบิดเป็นช่วงเวลา แต่จะมีเพียง 2 จุด ที่มีการระเบิดตลอดเวลา ผลพลอยได้จากปรากฏการณ์ประหลาดนี้คือ เกลือ ซึ่งเกิดจากตะกอนภูเขาไฟที่แห้งแล้ว กลายเป็นรายได้ส่วนหนึ่งของชาวท้องถิ่น

Credit : http://travel.mthai.com